เลขาฯศาลเอ็มโอยูพม. ยกฐานะการปกป้องสิทธิผู้ต้องหาหรือเชลย รวมทั้งผู้เสียหายในคดีอาญา ช่วยเหลือผู้กำกับดูแลผู้ได้รับการปลดปล่อยชั่วครั้งชั่วคราวรวมทั้งมาตรการปฏิบัติงานบริการสังคมแทนค่าปรับ
ตอนวันที่ 21 เดือนมกราคม ที่ฟ้องสัมมนาชั้น 10 ตึกศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ทำการศาลแล้วก็กระทรวงการพัฒนาสังคมและก็ความมั่นคงและยั่งยืนของคนเรา (พม.)จัดพิธีการเซ็นชื่อบันทึกกติกาความร่วมแรงร่วมมือเพื่อการติดต่อประสานงาน ด้านการปกป้องสิทธิของผู้ต้องหาหรือเชลยแล้วก็ผู้เสียหายในคดีอาญา โดยมี นายดงษ์บารมี วานิชคำกล่าวขวัญฉันล เลขาธิการที่ทำการศาล รวมทั้งนางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมรวมทั้งความมั่นคงและยั่งยืนของผู้คน ร่วมเซ็นชื่อบันทึกกติกาดังที่กล่าวมาข้างต้น
นายดงษ์อำนาจ บอกว่า ประธานศาลฎีกา มีนโยบายสำหรับเพื่อการสร้างดุลยภาพที่สิทธิ ลดการควบคุมขังที่ไม่สำคัญในทุกขั้นตอน เพื่อยกฐานะเกียรติความเป็นคนของเชลยระหว่างการต่อสู้คดีในศาลและก็การปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เสียหายในคดีอาญา ที่ทำการศาลได้มองเห็นว่าภารกิจของศาลและก็กระทรวงการพัฒนาสังคมและก็ความยั่งยืนและมั่นคงของผู้คนต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาหรือเชลยและก็ผู้เสียหายในคดีอาญา ก็เลยได้ตกลงความร่วมมือระหว่างกันสำหรับในการดูแลผู้เสียหายในคดีอาญาที่อยู่ในกรรมวิธีการศาลรวมทั้งการดูแลดูแลผู้ได้รับการปลดปล่อยชั่วครั้งชั่วคราว โดยการให้ผู้ต้องโทษปรับดำเนินการบริการสังคมหรือดำเนินการสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับในกรณีผู้นั้นขาดเงินชำระค่าปรับ ซึ่งการกำหนดชนิดแล้วก็แนวทางการทำงานนั้นจะพิจารณาถึงเพศภาวะรวมทั้งเกียรติยศความเป็นคน นอกเหนือจากนี้ยังให้การช่วยเหลือสหวิชาชีพในสังกัดมาดูแลให้คำแนะนำแก่ผู้เสียหายในคดีอาญาที่อยู่ในแนวทางการศาล รวมทั้งการรวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับผู้เสียหายรวมทั้งเสนอความเห็นต่อศาล และก็การเปิดเผยแพร่และก็โปรโมทการเป็น “ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปลดปล่อยชั่วครั้งคราว” ตามพ.ร.บ.มาตรการควบคุมและก็ติดตามจับกุมตัวผู้แอบหนีการปลดปล่อยชั่วครั้งชั่วคราวโดยศาล พุทธศักราช 2560 ให้อาสาสมัครปรับปรุงสังคมรวมทั้ง ความมั่นคงยั่งยืนของผู้คนรู้ ตลอดจนช่วยเหลือให้หน่วยงานในสังกัดเก็บรวบรวมรายนามคนที่พอใจเป็น “ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปลดปล่อยชั่วครั้งคราว” ให้แก่ที่ทำการศาล โดยที่ทำการศาลจะปฏิบัติงานอบรมเกี่ยวกับการให้คำแนะนำทางด้านจิตสังคมถัดไป
เลขาธิการที่ทำการศาลกล่าวเพิ่มอีกว่า การเซ็นต์ชื่อบันทึกกติกาความร่วมแรงร่วมใจในคราวนี้ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเพื่อการแก้ไขรวมทั้งฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสียหาย ลดความแตกต่างของสังคม สร้างสามัญสำนึกที่ดีให้แก่ผู้ต้องโทษปรับ รวมทั้งมอบโอกาสผู้กระทำผิดกลับสู่ชุมชนแล้วก็สังคม
ได้อย่างธรรมดาสุข และก็จะเป็นเลิศในกลไกสำคัญสำหรับเพื่อการเคลื่อนแนวนโยบายประธานศาลฎีกาให้บรรลุผลสำเร็จตามแผนการที่วางไว้
ศาลประสานมือพม.ยกฐานะป้องกันสิทธิผู้ต้องหา-เชลย-ผู้เสียหาย คดีอาญา
