ตอนวันที่ 31 มี.ค. นายสุรเชษฐ์ ประวีที่ตระกูลวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวหน้า แล้วก็เป็น รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธนาคาร)การขนส่ง สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ใจความ ถกเถียงแผนการตำหนิตตั้งแบริเออร์ยางพารา 3 ปี 85,624 ล้านบาท กล่าวว่า
อย่าหาทำ! ตำหนิตตั้งแบริเออร์ยางพารา ใจความสำคัญแผนการตำหนิตตั้งแบริเออร์ยางพารา 3 ปี 85,624 ล้านบาทที่ รัฐมนตรีว่าการคค. ศักดาไทย ใกล้ถูกใจ เคยประกาศไว้กึ่งกลางที่ประชุม ช่วงวันที่ 2 เดือนกรกฎาคม 63 เวลาราว 19:00 เพื่ออธิบายกรรมวิธีการใช้จ่ายงบประมาณ ตอนศึกงบประมาณ 64 แล้วก็ผมได้อภิปรายโต้ตอบในหลายหัวข้อ แต่ว่าไม่ว่างกล่าวถึงเรื่องการตำหนิตตั้งแบริเออร์ยางพารามากสักเท่าไรนัก เพียงแค่ให้ Hint ไว้ว่า ไม่สมควรที่จะกระทำและก็จะติดตามวิเคราะห์ถัดไป 1
ผมเคยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวพันมาอธิบายในหัวข้อนี้ สำคัญๆ2 ครั้งหมายถึง(ก) 14 กันยายน 63 ในฐานะประธานแผนกอนุกรรมาธิการศึกษาเล่าเรียนการจัดทำแล้วก็ติดตามการจัดการงบประมาณแผนการส่วนประกอบเบื้องต้นขนาดใหญ่ รวมทั้ง (ข) 4 กุมภาพันธ์ 64 ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการติดต่อ รวมทั้งอีกหลายหนที่ติดตามแล้วก็ติเตียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวกลับไปทวนให้ดี อย่าหลับหูหลับตาปฏิบัติตาม “ธง” โดยไม่นึกถึงจริยธรรมในวิชาชีพแล้วก็งบประมาณซึ่งเป็นเงินภาษีของคนทั่วประเทศ พอดิบพอดี เมื่อวานนี้ (30 มี.ค. 64) มองเห็นข่าวสาร 2 เลยมีความรู้สึกว่าจำเป็นต้องออกมาเตือนดังๆอีกทีว่า: อย่าหาทำ!
แผนการนี้เป็นโครงงาน “สร้าง Demand เทียม” มิได้มีความสำคัญและก็ทั่วทั้งโลกก็ไม่ทำกัน เหตุผลหลักเป็นต้องการจะหาทางปั่นราคายางพาราให้สูงมากขึ้น ซึ่งก็เกิดเรื่องที่ดีถ้าหากสามารถหา Demand จริงได้ (มีความต้องการใช้และก็ทำให้เกิดคุณประโยชน์จริง) แต่ว่าที่ทำกันอยู่นี่ มันไม่ใช่! นี่มัน Demand เทียมชัดๆแล้วก็ได้โอกาสสูงที่จะล้มเหลวหรือเป็นภาระหน้าที่กับงบประมาณในอนาคตที่จะจำต้องมาซ่อมแซม/แปลงแผ่นยางพาราที่เอามาผึ่งแดดเล่น ให้มันแห้งเกรียม มิได้ส่งผลการทดลองที่น่าไว้ใจมา Backup “ความคุ้มราคา” ของการใช้งบประมาณ
ทช. คิดเพื่อเอาหน้า Overclaim ผลของการทดลอง
การหาทำคราวนี้ เริ่มมาจากแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะหาทางช่วยอุดหนุนราคายาง ซึ่งเกิดเรื่องที่ดี แม้กระนั้นมีเพียงแค่ฝัน มิได้มีทิศทางที่เด่นชัดว่าจะทำเช่นไร คนแก่บางคนในกรมทางหลวงต่างจังหวัด (ทช.) ก็เลยเพียรพยายามเสนอแผนการว่ากล่าวตตั้งแบริเออร์ยางพาราเพื่อตอบปัญหาหลักการที่จะหาทางนำยางพารามาใช้ให้มากมายๆจนกระทั่งชื่นชอบนายได้รับการประชาสัมพันธ์ให้ยิ่งใหญ่เพื่อสนับสนุนโครงงานนี้ เมื่อได้รับการตั้ง ก็เลยได้พา รัฐมนตรีว่าการคค. ไปดูผลของการทดลองถึงประเทศเกาหลีว่ามันดีแบบนั้นแบบงี้ แต่ว่าความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
หัวข้อนี้มันเกิดเรื่อง Engineering ชี้แจงได้แต่ว่าจะยากแล้วก็ยาว ตกลงว่าสำคัญๆเป็น มีการ “Overclaim ผลของการทดลอง” อาทิเช่น Scenario Tests ไม่มากพอที่จะสรุป, ผลของการทดลองไม่อาจจะบอกความต่างระหว่างการมียาง vs. ไม่มียาง ได้ว่ายางที่ใส่ไปทำให้เกิดความคุ้มราคาไหม, อุณหภูมิที่ไม่เหมือนกันอย่างเป็นจริงเป็นจังสำหรับในการทดลองกับหน้างานจริง, ภาวะคงทนถาวรของยางและก็กาวเมื่อเวลาผ่านไปในภาวะร้อนมาก, หลักสำหรับในการรับแรงแบบ Rigid vs. Flexible Body, การตำหนิดตั้งแบบถาวร vs. ชั่วครั้งชั่วคราว, การยึดรั้งระหว่างยางกับปูน, ความชื้นของแผ่นยางที่สมควร, ลักษณะ Approach ที่สั้นกว่ามาตรฐานทั่วๆไป, การใช้เหล็กดามระหว่าง Blocks ซึ่งบางทีอาจหลุดออกมาเกี่ยวมอเตอร์ไซด์ให้ล้มได้ ฯลฯ
รัฐมนตรีว่าการคค. ไม่รู้เรื่อง แต่ว่าถูกใจออกคำสั่ง ขอให้ได้ผลาญ!
หัวข้อนี้กระจ่างในตัว อาจไม่ต้องชี้แจงเพิ่มอีก แต่ว่าประเมินได้จากผลงานก่อนหน้าที่ผ่านมา
ทลิตร รับปัญหาของบ 65 มากถึง 75,000 ล้านบาท (เทียบกับงบประมาณแก้ไขปัญหาความปลอดภัยอื่นๆทั้งปวง 4,500 ล้านบาท)
เมื่อมีธงจาก รัฐมนตรีว่าการคค. กรมทางหลวง (ทลิตร) ก็เลยตั้งคำร้องของบประมาณ 2565 เฉพาะในส่วนของแบริเออร์ยางพารา มากถึง 75,000 ล้านบาท ในระหว่างที่หน่วยงานต้นคิด (ทช.) ขออีก 7,000 ล้านบาท กล่าวได้ว่าตั้งงบแบบ “เอาอกเอาใจนายกันสุดๆ” ถึงแม้ว่างบประมาณสำหรับเพื่อการขจัดปัญหาความปลอดภัยทางถนนหนทางในด้านอื่นๆทั้งสิ้นที่ไม่ใช่วิธีการทำแบริเออร์มีอยู่เพียงแค่ 4,500 ล้านบาทสำหรับ ทลิตร แล้วก็ 8,000 ล้านบาทสำหรับ ทช. 3
ใจความสำคัญเป็น ถ้าหากตั้งมั่นจะแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนนหนทางจริง ก็ควรจะไปทำฐานข้อมูลเพื่อคุ้มครองป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำก่อน ไม่ใช่หว่านแห หาทำไปบ่อย ทลิตร และก็ ทช. ควรจะใส่งบประมาณไปสำหรับในการตรวจสอบรวมทั้งแก้ไขจุดเสี่ยง ซึ่งแต่ละจุดมีลักษณะของปัญหาแตกต่างและก็มาตรการ (Road Safety Measures) ที่ควรที่จะใช้ก็ย่อมแตกต่าง บางที่บางทีอาจอยาก Guardrail, Limited Access, ไฟจราจร, ป้าย, etc. ไม่ใช่จะจัดตั้งแบริเออร์ยางพาราแบบ “หาเรื่องสร้างไปเรื่อยๆ” ในทุกๆที่ที่สร้างได้ แล้วมากล่าวถึงว่าให้ความใส่ใจกับการจัดการกับปัญหาความปลอดภัยทางถนนหนทาง
สำนักงบประมาณ ไม่มีตังค์ให้
เรื่องนี้ เป็นข้อพิสูจน์ตามข่าวสาร 2 แล้วก็ผมก็จะติดตามถัดไปเมื่อร่าง พรบ. งบประมาณ 2565 เข้าที่ประชุมจริง
อำนาจประเทศไทย จะไป ขอกู้เงิน สบน. 4 หมื่นล้าน
ช่วงแรกนึกว่าให้ข่าวแก้เสียเวลาเปล่าแบบขำๆแต่ว่าวันนี้ได้ยินว่าท่านโอ๋เอาจริงเอาจัง จะหาทางเอาเงินมาทำแบริเออร์ยางพาราให้ได้ ก็อาจจะจำเป็นต้องตั้งความหวังไว้ที่ สบน. (ที่ทำการบริหารหนี้สินสาธารณะ) ว่าจะใคร่ครวญหัวข้อนี้อย่างละเอียด จำต้องคิดเสมอว่า “ด้วยเงินที่เสมอกัน เอาไปทำอะไรดี” ถ้าหากได้โอกาส ผมก็จะเรียก สบน. มาติดตามในหัวข้อนี้ถัดไป
ที่เขียนมาทั้งสิ้นนี้ ผมมีเจตนาเดียว เป็นผมต้องการมองเห็นการใช้เงินภาษีอย่าง “คุ้ม” ให้สมกับหยาดเหงื่อแรงงานที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนต้องหาเงินมาจ่ายให้เมือง
ผมไม่อยากที่จะให้แผนการตำหนิตตั้งแบริเออร์ยางพาราล้มเหลวหมดรูปเช่นเดียวกับการผลิต Demand เทียมรอบที่แล้วในโครงงานถนนหนทางยางพาราที่พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวหมดรูป ซึ่งอีกทั้ง ทลิตร และก็ ทช. ก็เห็นด้วยรวมทั้งเลิกตั้งงบมาผลาญในแผนการถนนหนทางยางพาราแล้ว … ก็เลยจำต้องขอเบรคแผนการแบริเออร์ยางพาราไว้ก่อนที่จะประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยและก็เป็นภาระหน้าที่กับงบประมาณในอนาคตที่จะจำต้องไปตามล้างตามเช็ดถูกันถัดไป อย่างไรก็แล้วแต่ ผมมิได้จะท้วงอย่างเดียวนะ ผมส่งเสริมให้ทำในเชิงวิจัยและพัฒนา เบาๆทดลองทำ ปรับแก้ แล้วก็ให้คะแนน … “อย่าหาทำ” (ติเตียนตตั้งแบริเออร์ยางพารา 3 ปี 85,624 ล้านบาท) เลยคะโอ๋ #ภาษีฉัน
สุรเชษฐ์ เตือน ศักดาประเทศไทย อย่าหาทำ แบริเออร์ยางพาราหมื่นล้าน ชี้ เป็นการสร้างดีมานด์เทียม
